https://www.banggood.com/50X-LED-Illumination-Pen-Style-Pocket-Microscope-Magnifying-Glass-with-Reading-Scales-p-1137785.html?p=8Z020971524652016114

พาพ่อแม่เที่ยวปราณบุรี 2 วัน 1 คืน - Pranburi Thailand Trip 2 days 1 night


แนะนำพาคุณพ่อคุณแม่ เที่ยวปราณบุรี เดินทางง่าย ไปวันธรรมดาคนไม่เยอะ ผู้สูงอายุ ไม่เหนื่อยเกินไป

ข้อมูลสรุป
จำนวนวัน : 2 วัน 1 คืน ผู้ใหญ่ 3 คน
ค่าที่พัก : บ้านบาหลีบีช รีสอร์ท แบบห้อง 1 เตียงใหญ่ 1 เตียงเล็ก 1,500 บาท ต่อคืน
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด (รวมค่าที่พัก) : คนละ 1,893 บาท
     
เริ่มเลยนะครับ วันจันทร์ที่ 17 ส.ค. 58   6:00 น. ออกเดินทาง ออกจากบ้านย่านลาดพร้าว ใช้เส้นทาง ด่วนดินแดง ลงพระราม2 7:50 น. แวะปั๊มที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรามา แวะปั๊ม ปตท. เพื่อเติม CNG ปั๊มนี้เป็นปั๊ม CNG ที่อยู่ถัดจากสามแยกวังมะนาวมาประมาณ 2 กิโลเมตร (จากปั๊มนี้ ก็ต้องไป จนถึงบริเวณ เลี่ยงเมืองหัวหิน เลยนะครับ จะมีอีก 2 ปั๊ม อยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวา โดยจะเจอปั๊มทางขวาก่อน ส่วนทางซ้ายจะเลยลงไป ก่อนถึงปราณบุรีครับ นอกนั้นไม่มีเลยนะครับ) 8:00 น. แวะกินข้าวแกงแม่ล้วน แวะกินอาหารเช้าที่ร้านข้าวแกงแม่ล้วน ก่อนถึงเขาย้อย ร้านนี้มีกับข้าวให้เลือก หลายอย่าง รสชาติดี ราคาพอๆ กับกรุงเทพฯ เราไปกัน 3 คน สั่งกับข้าวใส่ถ้วย 3 อย่าง และ และข้าวเปล่า 3 จาน ราคา 150 บาท (กับถ้วยละ 40, ข้าวเปล่าจานละ 10 บาท) 8:45 น. ถึงทางแยกเลี้ยวเข้าโครงการชั่งหัวมัน ฯ หลังจากขับผ่านทางแยกซ้ายเข้า อ.ชะอำ เราขับตรงมาเรื่อย จนถึงสี่แยก เข้าถนนสาย 1001 ก่อนถึงมีป้ายบอกว่าไปโครงการชั่งหัวมันฯ ก็เลี้ยวขวาเข้าถนนสาย 1001 เลย
ขับมาตามถนน และตามป้ายบอกทาง (เข้าทางนี้ง่ายที่สุดส่วนใหญ่ตรงอย่างเดียว มีเลี้ยวขวาบ้างนิดหน่อย แต่มีป้ายบอกตลอดทาง) จะผ่านค่ายลูกเสือ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ อ่างเก็บน้ำ ขับตามป้ายไปเรื่อยครับ เมื่อใกล้ถึง จะผ่านร้านกาแฟ ชื่อ Coffee Pano (อยู่บนถนนเส้น 4002) อยู่ด้านขวามือ ขับไปอีกประมาณ 5 นาที จะพบป้ายบอกให้เลี้ยวขวา จะเห็นซุ้มประตู ก็ขับต่อไป จะเห็นป้าย โรงเรียนบ้านหนองคอไก่ อีกไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงแล้วครับ รวมเวลาขับเข้ามาก็ประมาณ 30 นาที ก็ถึงโครงการชั่งหัวมัน จอดรถที่บริเวณทางเข้า (มีไม้กั้นไว้) แล้วเดินไปชำระค่าธรรมเนียมที่ป้อมยามด้านซ้ายมือ (คนละ 20 บาท) 9:00 น. ชมโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ วันนี้เจ้าหน้าที่ที่จำหน่ายบัตร แจ้งว่าไม่มีรถนำเที่ยวเพราะวันนี้เจ้าหน้ากำลังระดม แรงานปรับปรุงภูมิทัศน์อยู่ (เข้าใจว่าเสาร์-อาทิตย์ คงจะมีบริการตามปกติ) มีแต่จักรยานให้  ผมแวะส่งคุณพ่อคุณแม่ ลงตรงทางเข้า ซึ่งห่างจากป้อมยามประมาณ 100 เมตร  เจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลทางเข้าโครงการแจ้งให้นำรถไปจอดที่จุดจอดรถ ซึ่งห่างลงเนินไป อีกประมาณ 50 เมตร อยู่ทางด้านขวามือ ผมจอดรถแล้วก็เดินย้อนขึ้นมาที่ทางเข้า ก็เลยถือโอกาสแวะถ่ายรูปป้ายโครงการขนาดใหญ่ และสถานที่ทรงงานไว้ก่อน
เดินมาถึงทางเข้ายื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่ และเดินเข้าไปที่ศาลาจัดแสดงแผน ผังโครงการ ซึ่งห่างไปประมาณ 5-6 เมตร จากทางเข้า
แผนผังโครงการ เป็นแบบจำลองแบบของพื้นที่โครงการทั้งหมด แสดงให้เห็นสัดส่วนของ
แหล่งน้ำ พื้นที่เพาะปลูก และพื้นที่เลี้ยงสัตว์
นิทรรศการดิน อยู่ติดกับศาลาแผนผังโครงการเลยครับ ศาลานี้แสดงข้อมูลเกี่ยวกับดินที่น่าสนใจมาก ถึงแม้ จะเป็นนิทรรศการเล็กๆ แต่สามารถทำให้เห็นภาพลักษณะของดินและโครงสร้างของชั้นดิน ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีการทำแบบจำลอง โดยใช้ดินจริงจากพื้นที่ต่างๆ
ร้านโกลเด้น เพลซ
อยู่ถัดจากศาลานิทรรศการดิน มีผักสด น้ำสมุนไพร และของใช้ทั่วไปจำหน่ายแบบร้าน สะดวกซื้อ เราแวะซื้อผักและน้ำสมุนไพรเย็นๆ แล้วฝากน้องแคชเชียร์ไว้ก่อนครับ (คุณพ่อกลัว ผักหมด กะซื้อไปฝากเพื่อนคุณพ่อที่มาค้าขายอยู่ที่แยกปราณบุรี ตอนช่วงเย็น) อาคารประชาสัมพันธ์ เป็นพื้นที่ที่มีโครงหลังคาขนาดใหญ่ครับด้านหน้ามีพระบรมฉายาลักษณ์ ของในหลวง
ฟาร์มโคนม ออกจากร้านโครงการหลวง ก็เป็นพื้นที่เพาะปลูกอยู่ด้านซ้ายมือ และมีฟาร์มเลี้ยงโคนมอยู่ขวามือ ในฟาร์มเลี้ยงโคนม มีการตั้งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า และแผงโซล่าเซล เพื่อผลิตไฟฟ้า
เนื่องจากแดดกำลังร้อนมากเกรงว่าคุณพ่อกะคุณแม่จะเดินกันไม่ไหว เลยเที่ยวชมไกล้ โดยเลี้ยวขวา เดินเรียบตามรั้วฟาร์มโคนม มาจนถึงศาลาที่พักโค แวะถ่ายรูป แล้วเดินกลับ โดยฝั่งตรงข้ามฟาร์ม เป็นแปลงปลูกกล้วยพันธ์ต่างๆ ... บางพันธ์ ยังไม่เคยได้ยินชื่อเลยครับ..
แปลงปลูกฟักข้าว, บวบยักษ์ เดินย้อนกลับมาทางเดิม ถึงสามแยก ถ้าดูผ่านๆ ก็เป็นเหมือนร้านสำหรับปลูกพืชไม้เลื้อยทั่วไป แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ จึงเห็นว่าเป็นร้านสำหรับปลูกฟักข้าว และบวบ และน้ำเต้า แต่ผลของมัน ขนาด ไม่ธรรมดาเลยครับ ผลบวบ นี่ยาวเกือบเมตรห้าสิบเซ็นต์ ส่วนน้ำเต้าก็ผลใหญ่มาก
ห้องน้ำ ห้องน้ำที่ใกล้บริเวณนี้มากที่สุดอยู่หลังศาลานิทรรศการดินครับ คือหันหน้าเข้านิทรรศการ แล้วเดินเลียบซ้ายมือทะลุไปด้านหลัง แล้วทะลุผ่านอีกศาลานึงครับจะเห็นบันได ประมาณ สามขั้น เดินขึ้นไปก็จะพบห้องน้ำอยู่ซ้ายมือ และที่พักรอหน้าห้องน้ำ ตกแต่งเป็นเหมือนที่นั่ง ของสถานีรถไฟครับ ส่วนด้านขวามือ เป็นปั๊มน้ำมัน ตกแต่งแบบ ปั๊มสมัยก่อน ไม่ทราบใครเกิด ทันบ้าง คือปั๊มสามทหารเสือครับ เลยชักรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย
เดินกันพอเหงื่อออกแล้ว แวะเอาของที่ฝากที่ร้านโครงการหลวง แล้วก็เดินทางออกจากโครงการ ชั่งหัวมัน เพื่อไปอุทยานราชภักตร์ ต่อครับ ก่อนกลับ ก็แชะเป็นที่ระลึกอีกสักสองสามรูป ที่นี่มีพื้นที่ให้กางเต้นท์ได้นะครับ ใครสนใจพาสมาชิกมาทำกิจกรรมลองติดต่อดูนะครับ เว็บไซต์ที่มีข้อมูลโครงการชั่งหัวมันฯ Facebook โครงการชั่งหัวมัน ฯ https://th-th.facebook.com/changhuaman2013 Blog ของคุณสุรศักดิ์ http://www.oknation.net/blog/surasakc/2010/12/03/entry-1 11:00 น. ออกจากโครงการชั่งหัวมัน ไปอุทยานราชภักดิ์  ขับรถออกจากโครงการฯ ถึงสามแยก เลี้ยวขวา (ถ้าจะกลับทางเดิม ต้องเลี้ยวซ้ายนะครับ แต่พอดีพวกเราจะไปต่อที่อุทยานราชภักดิ์ เลยเลี้ยวขวาเพื่อไปใช้เส้น 3301 ต่อด้วย 3219 เพื่อไปออก ถ.เพชรเกษม ช่วงที่ใกล้กับอุทยานฯ) ตอนนี้จะอยู่บนถนน 4002 แล้วนะครับ ขับไปประมาณ 2 นาที จะเห็นที่ทำการ อบต. อยู่ขวามือครับ ขับต่อไปอีกประมาณ 5 นาที จะเห็นป้ายอ่างเก็บน้ำห้วยสงสัยอยู่ด้านขวา พอเข้าเขตอ่างเก็บน้ำจะเห็นวิวที่แปลกตา คือมีศาลพระภูมิเรียงรายสองข้างทางเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร แต่ผมไม่ทราบที่มาที่ไปครับ
*กลับมาถึง กทม. ลองถามอากู๋ ดูมีบางคนให้ข้อมูลไว้ ลองเข้าไปดูนะครับ http://webboard.edtguide.com/forum.php?mod=viewthread&tid=26194
ขับรถมาตามถนนจนพ้นอ่างเก็บน้ำ จนถึงสามแยกตัดกับถนน 3301 เลี้ยวซ้ายครับ ขับอีกประมาณ 1 นาที จะเห็นป้ายโรงเรียนบ้านโป่งเกตุ คราวนี้ก็ขับตรงไปเรื่อยเลยครับ อีกสักประมาณ 20 นาที จะเป็นสี่แยก ตัดกับถนน 3219 ตรงแยกนี้ก็เลี้ยวซ้ายครับ คราวนี้ก็ขับตรงไปเรื่อยเลยครับ น่าจะอีกประมาณ 20 นาที จะผ่านป้าย วัดห้วยมงคลทางด้านขวามือ ก็ขับผ่านไปครับ อีกสักไม่เกิน 5 นาที จะถึงแยกตัดถนน เพชรเกษม ขับตรงลอดใต้ถนนเพชรเกษม แล้วไปวนขวาวงเวียนเพื่อเข้าถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าไปทาง อ.ปราณบุรี (ที่จริงเส้นนี้สามารถตรงเข้า อ.หัวหินได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะเป็นถนนเล็กแค่สองเลน (ไป1 เลน กลับ 1 เลน) และเมื่อเข้าพื้นที่ อ.หัวหิน จะพบทางกำลังก่อสร้างและช่วงนี้เป็นช่วงรถติดใน อ.หัวหินเป็นอย่างมาก ทำให้เสียเวลาในการเดินทาง .. เมื่อเข้าสู่ถนนเพชรเกษมแล้ว ขับตรงไปเรื่อยอีกประมาณ 5 นาที จนถึงสี่แยก ... ทางซ้ายมีป้ายบอกไปตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม ทางขวาไปวัดห้วยมงคล.. เลี้ยวซ้ายครับ ทางเข้าแคบนิดหน่อย แต่ขับไปหน่อยนึงเป็นถนน ใหม่ สี่เลน (ไปสองเลน กลับสองเลน) ขับตรงไปเรื่อยประมาณ 15 นาที จะไปทะลุซอยหัวหิน 112
12:10 ใกล้ถึงอุทยานราชภักดิ์  ขับมาถึงปากซอยหัวหิน 112 เลี้ยวซ้าย ขับชิดซ้ายและไปกลับรถ ใต้สะพานข้ามทางรถไฟ เพื่อกลับเข้า ถนนเพชรเกษมสายในเมื่อเข้าถนนแล้วขับตรงไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ทางขวามือเป็น บ้านพักข้าราชการกองพลทหารราบที่ 15 เลี้ยวขวาเข้าไปเลยครับ (เจ้าหน้าที่ รปภ. ที่ประตูอาจขอแลกบัตรนะครับ) ขับผ่านประตูตรงเข้าไปประมาณ 500 เมตร มีทางแยกซ้ายมือ เป็นถนน เล็กๆ เลี้ยวซ้ายตรงลงไปเลยครับ ถนน อยู่ระหว่างปรับปรุงแต่ขับเข้าไปได้ ขับเข้าไปประมาณ 100 เมตร ก็เห็นอนุสาวรีย์แล้วครับ หาที่จอดรถ แล้วถ่ายรูปตามอัธยาศัยเลยครับ เราใช้เวลาที่นี่ประมาณ 5 นาที เนื่องจากยัง ไม่เสร็จสมบูรณ์ดี และแดด ร้อนมาก และเป็นช่วงย้อนแสงพอดี (อาจต้องมาช่วงก่อนเที่ยงนะครับ) (เว็บไซต์ข้อมูลอุทยานราชภักดิ์ครับ http://www.rta.mi.th/RTAweb/pageinfor/weppage.html)
12:45 ไปกินมื้อเที่ยงร้านครัวลูกสาว ออกจากอุทยานก็ใช้ทางเดิมจนมาถึงปากทางที่พักข้าราชการกองพลทหารราบที่ 15 แต่คราวนี้เลี้ยวขวาเพื่อไปปราณบุรีต่อครับ ขับตามถนนมาเรื่อย ประมาณ 20 นาทีก็ถึงทางแยกเข้าปราณบุรี (แยกที่ว่าการอำเภอ โดยก่อนถึงจะเห็นป้ายห้างโลตัสมาแต่ไกล)
เลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ครับ จะเป็นถนน 1020 ขับตรงเข้าไปประมาณ 10 นาที ถึงสามแยกตัดถนน 3168 ให้เลี้ยวซ้าย ขับไปอีกประมาณ 5 นาที ถึงวงเวียนที่ 1 ตรงผ่านวงเวียนไป (ที่จริงวนขวาไปทางเขาหัวกะโหลกก็ได้ แต่ทางเขาหัวกะโหลก ถนนไม่ดีครับ) ให้ตรงผ่านวงเวียนนี้ไป จากวงเวียนขับไปอีกประมาณ 2 นาที จะถึงวงเวียนที่ 2 ให้ตรงผ่านวงเวียนอีก และขับไปประมาณ 1 นาที จะถึงสี่แยก ให้เลี้ยวขวา เลี้ยวขวา ขับตรงมาเรื่อย ประมาณสัก 2 นาที สังเกตเห็นเสาส่งสัญญาณ สูงๆ อยู่ ซ้ายมือ ขับเลยไปอีกหน่อย ประมาณ 300 เมตร จะเห็นป้ายร้านครัวลูกสาว อยู่ขวามือครับ ข้างร้านมีที่ว่างจอดรถได้ อาหารร้านครัวลูกสาว(ต้นขนุน) ร้านนี้อาหารแนวพื้นบ้านครับรสชาติถูกปากพวกเรามากคือกำลังพอดี ไม่เผ็ดไป หวานไป หรือเค็มไป (แต่ตอนสั่ง เราสั่งว่าไม่เผ็ดด้วย)เมนูที่สั่งก็มี ต้มส้มปลาเก๋า, หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง, ข้าวเปล่า 3 จาน, น้ำเปล่าขวดใหญ่ 1 ขวด และยำไข่แมงดา เมนูนี้อันนี้รอนานหน่อยนะครับ เพราะทางร้านเค้าจะย่างด้วยเตาถ่าน ซึ่งจะให้กลิ่นหอมน่ากินกว่าย่างด้วยแก๊ส รอประมาณ 20 นาที ตอนมาเสริฟ นี่มาทั้งตัวเลย หน้าตา ยังกะเอเลี่ยนในหนัง Alien เลยครับ ขาหงิกมา แต่พอได้ตักไข่เข้าปากเท่านั้นแหละ เอเลี่ยนก็เอเลี่ยนเถอะ อร่อยมันอย่าบอกใคร บวกกับน้ำยำที่รสกำลังพอดีกลมกล่อม กินกันจนไข่หมดตัวเลยครับ กินเสร็จคุณพ่อดันไปถามเด็กเสริฟ ว่าเห็นว่าบางคนกินแมงดาแล้วเป็นพิษ ตัวนี้ใช่แบบมีพิษหรือเปล่า เด็กเสริฟตอบด้วยความมั่นใจว่า มีพิษทุกตัวแหละค่ะ แต่แม่ครัวรู้วิธีทำ ต้องเอาออกก่อน ว่าแล้วก็มีชี้ให้ดูบอกบริเวณที่มีพิษ คือตรงส่วนที่เป็นเนื้อสีขาวแต่แม่ครัวเค้าตัดออกไปแล้ว ...ผมเสียววูบ เพราะตอนกินมันอร่อยเหาะไม่ได้กินเฉพาะไข่ ไอ้เนื้อเน้อ อะไรที่ตัก, ขูดได้ขูดมากินหมด ไอ้ตรงส่วนสีขาวที่ว่าด้วย .. รอดูผลคืนนี้แล้วกัน search google เจอมีคนรีวิวไว้ เลยเอามาฝากครับ http://eataroi.com/ 14:15 น. เช็คอินที่ บ้านบาหลีบีช รีสอร์ท ออกจากร้านครัวลูกสาว ขับรถไปทางซ้ายมือ เลี้ยวขวาที่ซอยแรกเลยครับ (ไม่ถึงครึ่งนาที) แล้วขับตรงเข้าไปเกือบสุดซอย จะผ่านตัวชะลอรถ แล้วมองไปทางขวาครับบ้านบาหลีบีชรีสอร์ท อยู่ขวามือนี่เองครับ รีสอร์ทนี้ หาเจอจากใน Agoda ครับ ตอนแรกไม่ค่อยแน่ใจเพราะในเว็บถ่ายรูปมาเป็นรูปแบบพื้นที่แคบๆ คือไม่เห็นบริเวณรีสอร์ท เลยกลัวว่าจะเป็นการใช้มุมกล้อง และเป็นรีสอร์ทแบบไม่มีบริเวณ เลยไม่ได้จอง จึงแค่โทรมาถามก่อนแต่คนรับสายบอก มีห้องเหลือเยอะ เพราะไม่ใช่ช่วงวันท่องเที่ยว เลยกะว่ามาดูก่อน ถ้าไม่ถูกใจค่อยไป รีสอร์ทอื่น เพราะหาข้อมูลไว้อีกสองที่ (มีทั้งราคาแพงกว่านิดหน่อย และถูกกว่านิดหน่อย) เข้ามาในรีสอร์ทได้เห็นบรรยากาศจริง ผมว่ามันเวอร์คมากเลยครับ สำหรับการมาพักเป็นครอบครัว (ดูรูปประกอบนะครับ) เพราะเป็นบ้านเป็นหลังๆ มีทั้งหลังเล็กและหลังใหญ่ เป็นสัดส่วนดี แต่ละหลังก็มีชานบ้านของตัวเอง มีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง แต่ที่จอดรถอาจน้อยไปหน่อย ช่วงเทศกาลคงต้องมีจอดข้างนอกแน่ๆ เจ้าหน้าที่รีสอร์ทบอกมีบ้านทั้งหมด สี่สิบสองหลัง แต่มีอยู่แค่หลังเดียวที่มีเตียง แบบสองเตียง คือเตียงคู่ 1 เตียง (นอนสองคนสบาย) และเตียงเดี่ยว 1 เตียง ถ้ามาสามคนก็นอนกันสบาย แต่ถ้าเป็นหลังอื่น มี1เตียงใหญ่ 1 เตียง และให้ที่นอนเสริม ถ้ามาเกินกว่า 2 คน แถมที่รีสอร์ทใจดี บอกคิดแค่สองคน คือ 1,500 บาท ต่อคืน ไม่คิดคนที่ สาม แต่ไม่มีอาหารเช้าให้ (มีกาแฟให้ฟรีที่ บริเวณเช็คอิน) เราพากันเดินไปดูห้อง คุณพ่อคุณแม่ บอกเอาเลย ไม่ต้องไปดูที่อื่นแล้ว ก็เลยจ่ายเงินสด (ถ้าจองผ่าน Agoda มาก็ชำระเป็น credit card มาได้) แต่ยังไม่เข้าห้อง เพราะจะไปเยี่ยมเพื่อนคุณพ่อก่อน เจ้าหน้าที่เค้าเลยบอกว่างั้นเดี่ยวเปิดแอร์ รอไว้ให้
15:00 น. ไปเยี่ยมเพื่อนคุณพ่อที่บ้าน เกือบถึงเขื่อนปราณบุรี ออกจาก รีสอร์ท ขับรถย้อนกลับมาทางวงเวียน ที่ผ่านมาตอนขาเข้า ผ่านสองวงเวียนแล้วขับตรงตลอดเลยครับ ประมาณ 20 นาที มาถึงสี่แยกปราณบุรี ตรงนี้เป็นชุมชนใหญ่ มีทั้งตลาดและร้านค้าเยอะแยะเลย มาถึงสี่แยกก็ขับตรงข้ามแยกไปครับ ก่อนมาตอนที่เพื่อนคุณพ่อบอกเส้นทางว่าอยู่ทางเดียวกับทางไปเขื่อนปราณบุรี เลย search google เห็นภาพเขื่อนปราณ สวยมากครับ แต่ครั้งนี้คงแวะไม่ทัน เอาไว้ครั้งหน้า ขับรถข้ามแยกมาหน่อย เพื่อนคุณพ่อก็จอดรถ รออยู่แล้วก็ส่งสัญญาณกัน แล้วเค้าก็ขับนำ ก็ตรงเข้ามามุ่งหน้าไปทางเขื่อนปราณบุรีครับ แต่เลี้ยวซ้ายก่อน แล้วผ่านไร่อ้อย ไร่สับปะรดเข้าไป ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรจาก สี่แยกปราณบุรี เพื่อนคุณพ่อคนนี้เป็นก๊วนร้องเพลงเดียวกับคุณพ่อ เป็นคนใต้ขายพวกเครื่องเงิน พอดีมีคนรู้จักบอกขายบ้านหลังนี้ให้ มาดูก็ถูกใจ เพราะเป็นบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จแต่เจ้าของไม่ได้อยู่ พอซื้อเพื่อนคุณพ่อก็เลยย้ายมาตั้งรกรากที่นี่ มาเปิดร้านขายเครื่องเงินอยู่แถวสี่แยกปราณบุรีนี่แหละ เค้าบอกว่าโชคดีมากเพราะที่นี่ไม่มีใครขายเครื่องเงินเลย คุณลุงคุณป้าก็ต้อนรับอย่างดียกอาหารและผลไม้มาให้กินและพูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อย และแน่นอนเมื่อคุณพ่อเจอเพื่อนก๊วนร้องเพลง ก็ต้องร้องเพลงสิครับ แหมม แต่ฟังเสียงแล้ว มืออาชีพทั้งก๊วนเลยครับ (ปกติคุณพ่อไปทำกิจกรรมอาสาร้องเพลงตาม รพ. ครับ) เหมือนเคยเป็นนักร้องกันมาก่อนผมฟังแล้วว่าต้องไปหัดร้องบ้าง ส่วนใหญ่ร้องเพลงสมัยสุนทราภรณ์ นะครับ คุณพ่อคุณแม่ และก็คุณป้าและคุณลุงร้องเพลงกัน ถึงประมาณ 17:15 น. พวกเราก็ขอตัวกลับที่พักครับ 18:00 น. เข้าบ้านบาหลีบีชรีสอร์ท เรากลับมาถึงที่พักก็ประมาณ 18.00 น. ขนของลงจากรถ ก็ตรงไปที่ห้องเลยครับ แอร์เย็นฉ่ำ ห้องพักกว้างขวางครับ มีทีวี พร้อมจานดาวเทียม ตู้เย็น โต๊ะเครื่องแป้ง แถมห้องน้ำที่ แสนจะกว้าง (ประมาณว่า เข้าไปนอนได้อีกห้าคนในห้องน้ำยังได้) คุณพ่อคุณแม่ก็นั่งพักผ่อนกัน ประมาณหนึ่ง ชม. ก็ชวนกันออกไปหาอาหารค่ำกินกัน
19:00 น. กินอาหารค่ำ แถวตลาดปราณฯ  ขับรถออกจากรีสอร์ท มาหน่อย ฝนก็เริ่มตกครับ ก่อนออกมาผมถามเจ้าหน้าที่รีสอร์ทว่า อาหารทะเล ร้านไหนดี เค้าบอกมีสองร้านดังๆ คือ เอ็กซ์โอ กับ ครัวอุดม แต่เอ็กซ์โอ ออกแนวไฮโซ ราคาสูงหน่อย ถ้าเป็นคนพื้นที่เค้าจะไปครัวอุดมกัน เราก็เลยมุ่งหน้าไปดูหน้าตาร้านครัวอุดม แต่ตั้งใจไว้ว่าจะไปกินกันวันรุ่งขึ้นนะครับ มื้อนี้ขออะไรเบาๆ เพราะอิ่มเกือบแปล้ มาจากบ้านเพื่อนคุณพ่อแล้ว ออกจากรีสอร์ท ขับย้อนไปทางปากซอย แล้วเลี้ยวขวา ขับตรงไปจนสุดทางเป็นสามแยก เลี้ยวซ้ายไปตลาด เลี้ยวขวาไปชายทะเล ไปครัวอุดมให้เลี้ยวขวา ขับตรงมาหน่อยถึงชายทะเล เลี้ยวซ้ายครับ แล้วขับตรงไปอีกนิด ก็เจอร้านครัวอุดมแล้วครับ อยู่ขวามือติดทะเลเลย คราวนี้รู้เป้าหมายแล้ว เราก็ย้อนกลับไป ทางไปตลาดครับ คือจากแยกที่ผมบอกว่าเลี้ยวซ้ายไปตลาด ก็ไปทางนั้น ขับไปสุดทางเป็นสามแยก ข้างหน้าเป็นวัด ครับ ข้างขวาเป็น 7-11 ให้เลี้ยวขวาครับ ขับตรงไปสักพัก ก็ถึงวงเวียน ซ้ายมือเป็นตลาดสด แต่ว่าฝนยังตกหนักอยู่เลย ยังหาที่เหมาะ ที่พวกร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ เลยขับวนกลับไปตามทางที่มาก็มีรถก๋วยเตี๋ยวเป็นระยะ แต่ฝนยังตกหนักไม่รู้จะจอดกินกันยังไง ระหว่างนั้น ภรรยาก็โทรมาบอกว่า เกิดระเบิดที่ราชประสงค์ รีบเปิด เว็บเช็คข่าว ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากครับ ขับรถวนกลับมาที่ตลาดสด เพิ่งสังเกตเห็นว่าฝั่งตรงข้ามตลาด เป็นคล้ายๆ โต้รุ่งครับ มีหลังคาอย่างดีไม่เปียก มีร้านก๋วยเตี๋ยว และพวกข้าวขาหมูขาย เลยหาที่จอด แล้วก็นั่งกินกันตรงนี้เลยครับ พวกเราก็กินเกาเหลากันคนละชาม กับน้ำผลไม้ปั่นคนละแก้ว ราคาก็เท่ากับก๋วยเตี๋ยวกรุงเทพฯ ครับ เกาเหลาชามละ 40 บาท น้ำปั่นแก้วละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็อิ่มหนำสำราญ ฝนก็หยุดตกแล้ว ก็กลับรีสอร์ทกันเลย อ้อเกือบลืม ถ้าฝนไม่ตก แถวตลาดนี่เป็นแหล่งอาหารค่ำที่ดีมากครับ มีร้านอาหารง่ายๆ และรถเข็นอยู่บริเวณโดยรอบครับ ทั้งข้าวขาหมู, หอยทอด เรียกว่าครบตามสไตล์ Thai street food เลยครับ 19:45 แวะ 7-11 ซื้ออาหารเช้าง่ายๆ ก่อนกลับแวะ 7-11 ที่เพิ่งผ่านมา ซื้อนมเปรี้ยวและแซนวิช เอาไว้กินตอนเช้าครับ ที่กินอาหารเช้าง่ายๆ เพราะเรามีแผนครับ .. ครัวอุดมไงครับ... 20:00 กลับถึงรีสอร์ท ดูข่าวระเบิดที่ราชประสงค์แล้วเข้านอน พวกเรากลับถึงรีสอร์ท ดูข่าวระเบิดที่ราชประสงค์อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเปิดแลบท็อปนั่งทำงานเล็กๆ น้อยๆ เตรียมตัวเข้านอน อังคาร 18 สค. 58 6:00 น. ตื่นเช้าเดินริมทะเลและว่ายน้ำ ผมตื่นคนแรกเลยครับ ทำธุระส่วนตัว กินอาหารเช้าง่ายๆ แล้วปลุกคุณพ่อ ส่วนคุณแม่ให้นอนไปก่อน เพราะเมื่อคืนเห็นนอนไม่ค่อยหลับ (คงแปลกที่) ผมกับคุณพ่อ ออกไปเดินริมทะเลกันครับ พอออกจากรีสอร์ท เดินเลี้ยวขวาไปประมาณ 100 เมตร ก็ถึงชายหาดแล้วครับ ช่วงที่เรามาพักนี้ ถนนเรียบชายหาดกำลังทำอยู่ครับ ถ้าทำเสร็จจะสะดวก และสวยมากสำหรับนักท่องเที่ยว ของที่ปราณบุรีจะเป็นลักษณะ ถนนเลียบชายหาด และก่อนถึงชายหาดมีแนวเขื่อนกันคลื่นซัดด้วย ถ้าจำไม่ผิด เคยมาเที่ยวปราณ เมื่อหลายปีมาแล้ว ชายหาดที่นี่ไม่ได้เป็นทรายแบบที่เห็นครับ เป็นลักษณะชันลงไปและเป็นคล้ายๆ เลน ต่างจากแถวชะอำ ที่เป็นทรายลาดลงไปยาวๆ เลย แต่ตอนนี้ถือว่าชายหาดที่ปราณฯ นี่สวยมากนะครับ แต่ผมติดใจนิดเดียว ตรงแนวเขื่อนที่เป็นตาข่ายห่อหินไว้ที่เค้าเอามาวางติดกับพื้นทราย อันนี้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนตาข่ายที่หุ้มหินไว้จะเป็นพลาสติกและมันเริ่มเปื่อยหมดแล้ว และยิ่งเป็นสีดำ ทำให้หาดหมดสวยไปเลย เวลาถ่ายรูป ต้องเดินถอยหลังไปทางถนนหน่อย จะได้ไม่ติดภาพพวกตาข่ายพวกนี้ แต่ในข้อเสียผมมองว่ายังพอมีข้อดีอยู่บ้าง ตรงที่ เวลาคลื่นซัดพวกเศษขยะมา มันจะมาติดตามตาข่ายพวกนี้แหละครับทำให้ไม่ตกกลับไปในทะเลอีก (รวมทั้งขยะที่อยู่บนทะเลและปลิวตกไปในทะเลด้วย) แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นไปอีกผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลเรื่องขยะที่พื้นที่ปราณฯ ต้องคอยส่งคนมาเก็บนะครับ หรือถ้าพวกตาข่ายสีดำที่ขาดและชี้โด่เด่อยู่ มันดูไม่สวยงามก็เล็มมันออกเลยครับ จะทำให้หาดปราณฯ สวยขึ้นมากกว่านี้อีก (ผมไม่ลงรูปขยะใน post นี้นะครับ จะทำให้เสียบรรยากาศไป แต่ใครอยากดูรูปผมรวบรวมเป็น VDO ไว้แล้วจะเอาลิงค์มาอัพเดทนะครับ)
7:30 น. เจอร้านเจ๊แป้น (ครัวอุดมชวดแน่) ผมกับคุณพ่อเดินริมทะเลกันประมาณ ครึ่งชม. ก็เดินกลับรีสอร์ต ครับ ระหว่างทาง เจอร้านขายอาหารทะเลสดครับชื่อร้านเจ้แป้น อยู่ริมทะเลนี่แหละ มี ปู กุ้ง ปลาหมึก แล้วบริการ นึ่ง พร้อมตำน้ำจิ้มให้ด้วย ผมกับคุณพ่อ เลยเดินเข้าไปถามราคา ได้ความว่า กุ้ง มีสองขนาด กลางกับใหญ่ กิโละ 500 และ 600 แต่กุ้งได้มาเมื่อคืนตอนนี้แช่เย็นไว้ ส่วนปู มีปูเนื้อกับปูไข่ โลละ 400 บาท โลนึกก็ประมาณ 4 ตัว ผมกับคุณพ่อเล็งร้านนี้ไว้เลยครับ เหลือแต่พาคุณแม่มาตัดสินว่า จะกินกันที่ร้านนี้ หรือยังคงไปครัวอุดมอยู่ จากนั้น เราก็เดินกลับรีสอร์ต ผมเลยขอว่ายน้ำยามเช้า สักครึ่งชั่วโมงครับ แหมม เวลามาพักแล้วมีเรากลุ่มเดียวพักนี่ เหมือนทั้งรีสอร์ตเป็นของเราเลยครับ ว่ายน้ำอย่างสบาย อากาศแจ่มใสกำลังดี
8:45 น. ปลุกคุณแม่ เตรียมลุยร้านเจ๊แป้น (ครัวอุดมชวดแล้ว) คุณแม่ตื่นอาบน้ำแต่งตัว ออกจากห้องตอนประมาณ 9:30 น. เดินมาร้านเจ๊แป้นครับ ห่างจาก รีสอร์ตประมาณ 200 เมตร คือออกจากรีสอร์ต เลี้ยวขวา แล้วเลี้ยวซ้ายเดินริมทะเล สรุปเดินประมาณไม่เกิน 5 นาที ถึงครับ ร้านเจ้แป้น เป็นเพิงเล็กๆ อยู่ฝั่งเดียวกับทะเลครับ มีโต๊ะเล็กๆ 1 โต๊ะ และมีบ่อซีเมนต์ เอาไว้ใส่พวกสัตว์ทะเล เวลาเรือเอามาส่ง แล้วก็มีตู้น้ำแข็ง และตู้กระจกสำหรับใส่กุ้ง ที่เหลือก็เป็นพื้นที่ทำงานคือมีแคร่ยาวๆ ไว้เวลาเตรียมอาหารครับ เราเลือกดูว่าจะกินอะไร สรุปได้ว่าเป็น กุ้งเบอร์ใหญ่ 1 กิโล (ได้ 13 ตัวถ้านับไม่ผิดนะครับ) และปูเนื้อ 1 กิโล (ได้สี่ตัว) ครับ เจ๊แป้น แนะนำให้กินปูเนื้อเพราะมีเนื้อเยอะกว่าปูไข่ ส่วนวิธีทำก็นึ่งครับ
ระหว่างนึ่ง เจ๊แป้น ก็ตำน้ำพริกให้ พร้อมกับให้ลูกเจ๊ ยกแคร่ยาวมาทำเป็นโต๊ะให้ เวลานี้ อากาศกำลังดีครับ ไม่ร้อนเกินไป เจ๊บอกว่าถ้ามาสายกว่านี้ ก็จะเริ่มหมดแล้วครับ ยิ่งถ้าเป็นวันหยุด หมดตั้งแต่ช่วงเจ็ดแปดโมงเช้าแล้ว นั่งรอกันสักพัก กุ้งนึ่งมาก่อนเลยครับร้อนจี๋ มาเลยครับ ต้องรอแป็บนึง ถึงจะเริ่มแกะกินได้ เจ๊แถมข้าวสวย ร้อนๆ ให้ถ้วยใหญ่หนึ่งถ้วย เราแบ่งกัน 3 คน เพิ่งรู้นะครับเนี่ยว่ากินอาหารทะเลสดๆ กับข้าวสวยร้อนๆ นี่มันให้รสชาติที่ดีมาก จัดการกุ้งไปสักพัก ปูก็มาครับ ผมเคยเห็นคลิปการแกะปูด้วยด้ามช้อนเลยทดลองทำตามครับ ได้ผลดีมาก (อาจเป็นเพราะปูสดด้วย) ได้เนื้อออกมาเป็นก้อนๆ เลยครับ ระหว่างกิน เจ๊ ก็มาเอนเตอร์เทนลูกค้าครับ จัดหาทิชชู่ และน้ำล้างมือมาให้ และต้องกินแข่งกับแมลงวันด้วยนะครับ เจ๊บอกว่า อาหารสดก็แบบนี้แหละวางแป็บนึง แมลงวันจะมาแต่ถ้าไปดูที่ตลาด ไม่มีแมลงวันเลย เพราะเค้าใส่ฟอร์มาลีน (นี่เจ้ว่านะครับ ลองพิจารณาดูเวลาเลือกซื้ออาหารทะเลสดด้วยนะครับ อาจต้องเลือกที่พอมีแมลงวันมาตอมบ้าง เพื่อความปลอดภัย) เจ้ ก็เล่าต่อว่า เจ้เนี่ย เคยติดคุกมาแล้วนะ ข้อหาบุกรุก เพราะเจ้เปิดร้านตรงนี้ มาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว (ตอนนี้เจ้ น่าจะประมาณ 50 ขวบ) ต่อมาเค้า ไม่ให้มาตั้งขายที่ริมหาด แต่เจ้ก็พยายามสู้ด้วยโฉนดที่ดิน แต่เหมือนไม่ชัดเจน และอีกอย่าง เมื่อก่อน หาดมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันอยู่เข้าไปในทะเล สรุปตอนนี้ศาลให้ไกล่ เกลี่ยอยู่ เจ้เลยได้กลับมาขายต่อ แต่เจ้ก็ไม่ยอมย้ายไปไหนด้วย ... ตอนนี้มีลูกค้าประจำเดี่ยวนี้จากกรุงเทพฯ โทรมาสั่ง เจ้ ก็นึ่งเสร็จ ใส่รถตู้ไปส่ง ให้เค้าไปรับที่อนุเสาวรีย์ชัย ลูกค้ารับผิดชอบค่ารถไป ส่วนค่าอาหารก็โอนเงินให้ .. ใครสนใจ ก็โทรสั่งเจ้ได้ ตามเบอร์ในรูปนี้เลยนะครับ หรือ ใครไปเที่ยวปราณฯ ก็โทรสั่งเจ้ไว้ วันไปถึง แล้ววันรุ่งขึ้น ก็ไปนั่งกินที่ร้านเจ้เลยครับ เพราะ ของจะเข้าช่วงกลางคืน เราใช้เวลาที่นี่ประมาณ ชั่วโมงครึ่งครับ ก่อนกลับ คุณพ่อไม่ลืม สั่งปูเนื้อนึ่งอีกหนึ่งโล เพื่อเอาไปฝากน้องสาวผม ที่กรุงเทพฯ เจ้บอกเทคนิคว่า พวกปูกะกุ้งนี่ นึ่งเสร็จ เอาตากลม ให้เย็น แล้วห่อ อยู่ได้ถึงสองทุ่มครับ โดยไม่ต้องแช่เย็นเลย เป็นความรู้ใหม่ที่น่าสนใจครับ 11:00 น. เช็คเอ้าท์ หลังจากอิ่มหนำสำราญจากร้านเจ้แป้น เรากลับมาทำธุระส่วนตัวกันที่รีสอร์ต และเช็คเอ้าท์ครับ ก่อนกลับถามเรื่องราคาที่พัก ทางรีสอร์ตบอกว่า ราคาเท่ากันทั้งคนไทย และต่างชาติครับฉะนั้นใครจะแนะนำเพื่อนฝรั่งมาก็ไม่ต้องกลัวหน้าแตกว่าราคาไม่เท่ากันนะครับ 11:30 น. ออกเดินทางไปวัดห้วยมงคล แวะซื้อสับปะรดฉีกตา ออกจาก รีสอร์ต เลี้ยวซ้ายออกมาปากซอย และขับมุ่งหน้าไปผ่าน สองวงเวียน แล้วตรงไป จากวงเวียนที่สองขับมาประมาณ 5 นาที มีสามแยก ก็เลี้ยวขวา เข้าถนน... เพื่อไปออก แยก หน้าที่ว่าการอำเภอครับ (มีห้างโลตัสอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ว่าการฯ ) ขับมาประมาณ 10 นาที ก็ถึงแยกที่ว่าการฯ เลี้ยวขวา ทางเดียวกับที่กลับเข้ากรุงเทพฯ ครับ ขับตรงขึ้นมาเรื่อยๆ พอผ่านทางแยกเข้าหัวหิน (เป็นสะพานอ้อมขวา) จะเริ่มมีร้านสับปะรดฉีกตา ตั้งอยู่ข้างทางครับ เราขับผ่านมาเรื่อย จึงถึงร้านที่มีลักษณะแบบมีตู้กระจก และมีสับปะรดที่ปอกแล้วใส่ ถุงอยู่ ก็แวะซื้อชิมหน่อยครับ สับปะรด นี่ลูกเล็กแต่ใหญ่กว่า สับปะรดภูแลครับ เค้าขายที่ปอกแล้วถุงละ 40 บาท ครับ ปริมาณ ก็ประมาณ สับปะรดที่ขายถุงละ 20 บาท ตามรถเข็น ผลไม้ในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ ถามคนขายถึงที่มาของชื่อ คนขายเป็นกำนันครับ บอกว่าที่เรียกว่าฉีกตา ก็เพราะ เนื้อมันฉีกกินได้เลยครับ เวลาเอามือแกะ ก็หลุดออกมากินง่าย ไม่เหมือนพันธุ์อื่นที่ต้องใช้มีดหั่นหรือปาดเอาอย่างเดียว พอได้ชิมแล้วจะติดใจนะครับ รสชาติดีเลยแหละ คล้ายสับปะรดภูเก็ตนะครับ 12:00 น. ถึงวัดห้วยมงคล ซื้อเสร็จขับรถต่ออีกประมาณ 10 นาที มาถึงสี่แยก ทางขวาไปตลาดน้ำฯ หัวหิน ทางซ้ายไปวัดห้วยมงคล มีป้ายบอกด้วยครับ เลี้ยวซ้ายขับมาตามถนน ประมาณ 20 นาที ถึง สี่แยกครับ (มีป้าย บอกตลอดทาง)  มองไปทางซ้ายเห็นรูปหล่อหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่มากครับ ก็เลี้ยวซ้ายไปหน่อยนึงแล้วเลี้ยวขวาเข้าวัดเลยครับ ตรงเข้าไปในวัดก็เป็นทางบังคับ ให้เลี้ยวซ้ายหรือขวาไปที่จอดรถ เราก็แวะชมความสวยงามของหลวงปู่ทวดสักครู่ ก็ไปซื้อกาแฟ แต่ขอบอก กาแฟที่นี่แพงมากแก้วละ 50 บาท เป็นกาแฟสด ครับ คงจะเป็นราคาสำหรับนักท่องเที่ยว ซื้อกาแฟเสร็จ ก็ขับตามลูกศรไปทางออก ซึ่งเป็นทางวนผ่านหลังรูปหล่อหลวงปู่ทวดครับ บรรยากาศดี มีต้นไม้คลุมเหมือนเป็นอุโมงค์เลยครับ ประมาณ 3 นาทีก็ถึงทางออกครับ
12:15 น. มุ่งหน้ากลับ กรุงเทพฯ แวะเติม CNG และแวะทำบุญ ออกจากวัดหัวยมงคลก็ขับตรงกลับมาทางเดิมครับ พอถึงถนนเพชรเกษม ก็เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ จากจุดนี้ขับรถตรงมาประมาณ 15 นาที ก็เจอปั๊ม CNG ครับ ก็แวะเติมซะหน่อยคิวก็ไม่ยาวมาก จากจุดนี้ก็ยิงยาวเลยครับ เลยทางเข้า อ.ชะอำมาหน่อยนึง มีโครงการฯ ที่เค้ากำลังจะหล่อรูปหลวงปูทวดองค์ใหญ่ เลยแวะทำบุญกันสักหน่อย 199 บาท ได้ชุดเล็กครับ แล้วก็ขับยาว จนถึงกรุงเทพฯ เลยครับ ถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 16.00 น. ครับ แวะเอาปูนึ่งไปฝากน้องสาว แล้วก็กลับบ้านกันครับ สำหรับ Post นี้ ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ พบกันใหม่ใน Post หน้าครับ ใครสนใจไปเที่ยวพม่าดูทริปพม่า 3 วัน ไป ย่างกุ้ง ชเวดากอง ไจ้ทิโย่ ทางรถไฟ และรถบัส คลิกเลยครับ
Previous
Next Post »